วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สรุปบทเรียนวันที่  24  มิถุนายน   2556

เรื่องเซล์เซลล์มีอยุ่ด้วยกันหลายรูปแบบคะอย่างเช่นเซลล์ที่ครูไหมเคยทดลองคือเซลล์ว่านกาบหอยและเซลล์จากกระพุ้งแก้มจากการที่ได้ส่องกล้องจากจุลทรรศน์ทำให้เราได้รู้ว่าสิ่งเล็กเพียงน้อยนิดทำให้เกิดเป็นได้เซล์ได้เยอะมากกว่าที่คิดค่ะและสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นครั้งแรกคือพืชโอปารินได้ตั้งสมมติฐานการทำการทดลองกำเนิดชีวิตความเหมือนและความต่างของสิ่งมีชีวิตใช้โดยโมเลกุลแบบเดียวกันคือ DNA เก็บข้อมูลทางพันธุกรรมค่ะรูปร่างของเซลล์จะเป็นแบบไหนขึ้นอยุ่กับขนาดของเซลล์และเซลล์เป็นสิ่งมีชีวิตเพราะเป็นหน่วยย่อยของชีวิต


การค้นพบเซลล์สิ่งมีชีวิตเกิดขึ้น ในปี ค.ศ. 1655 โดย นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ โรเบิร์ต ฮุค (Robert Hooke) ได้ใช้กล้องจุลทรรศน์ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นสังเกตโครงสร้างเล็กๆ ของไม้คอร์ก (cork) ที่ถูกเฉือนเป็นแผ่นบางๆ พบว่ามีลักษณะเป็นห้องเล็กๆ คล้ายรังผึ้ง เขาได้เรียกห้องเล็กๆเหล่านี้ว่าเซลล์ ซึ่งการศึกษาเซลล์ไม้คอร์กของโรเบิร์ต ฮุค ในครั้งนั้นเป็นการค้นพบเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเป็นครั้งแรก แต่เป็นเซลล์ที่ตายแล้วคงเหลือแต่ส่วนของผนังเซลล์ (cell wall) เท่านั้น
 กล้องจุลทรรศน์ของโรเบิร์ต ฮุค      และ        เซลล์ไม้คอร์กที่ตายแล้ว 
ต่อมาในปี ค.ศ. 1674 -1683 อังตวน แวน เลเวนฮุค (Anton Van Leeuwenhoek)นักวิทยาศาสตร์ชาวดัทช์ (Dutch) ได้พัฒนากล้องจุลทรรศน์ที่มีกำลังขยายกว่า 200 เท่าและใช้ในการสังเกตสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กรูปร่างๆ แตกต่างกัน ได้แก่ โปรโทซัว (protozoa) แบคทีเรีย (bacteria) และสเปิร์ม (sperm) การค้นพบในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการค้นพบเซลล์ จุลินทรีย์เป็นครั้งแรก
 อันตวน แวน เลเวนฮุค         และ       กล้องจุลทรรศน์ของเลเวนฮุค 
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1830-1839 นักพฤกษศาสตร์ มัตทิอัส ชไลเดน (Matthias Schleiden) และนักสัตววิทยา เทโอดอร์ชวันน์(TheodorSchwann) ได้ศึกษาเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ชนิดต่างๆรวมทั้งศึกษาบทบาทของนิวเคลียส (nucleus)ภายในเซลล์ต่อการแบ่งเซลล์ชไลเดนและชวันน์ได้รวบรวมความรู้ที่ได้ และจัดตั้งเป็นทฤษฎีเซลล์ (TheCellTheory)โดยมีใจความที่สำคัญดังนี้
1. สิ่งมีชีวิตทุกชนิดประกอบด้วยเซลล์
2. เซลล์เป็นหน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
3. เซลล์เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์ที่มีอยู่ก่อน
หลังการจัดตั้งทฤษฎีเซลล์ ทำให้นักวิทยาศาสตร์ในรุ่นต่อมาได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับองค์ประกอบ ภายในเซลล์และหน้าที่ ขององค์ประกอบเหล่านี้มากขึ้นซึ่งทำให้เกิดความรู้ใหม่ที่ลึกซึ้งและ เป็นประโยชน์อย่างมากมายในปัจจุบัน
 มัตทิอัส ชไลเดน                    และ              ทีโอดอร์ ชวันน์ 


 

วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สรุปบทเรียนวันที่  21 มิถุนายน  2556

การใช้กล้องจุลทรรศน์ที่ถูกต้องก่อนอื่นเราต้องรู้ส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์ก่อนว่าแต่ละส่วนนั้นมีหน้าที่ทำอะไรและควรใช้อย่างถูกวิธี


การใช้และดูแลรักษากล้องจุลทรรศน์
วิธีใช้
1.  วางกล้องให้ฐานอยู่บนพื้นรองรับที่เรียบสม่ำเสมอ เพื่อให้ลำกล้องตั้งตรง
2.  หมุนเลนส์ใกล้วัตถุ (objective lens) กำลังขยายต่ำสุดอยู่ตรงกับลำกล้อง
3.  ปรับกระจกเงาใต้แท่นวางวัตถุให้แสงสะท้อนเข้าลำกล้องเต็มที่ โดยใช้ตามองผ่านเลนส์ใกล้ตาลงไป จะเห็นเป็นวงกลมสีขาวที่มีความสว่าง
4.  นำสไลด์ที่จะศึกษาวางบนแท่นวางวัตถุ ให้วัตถุอยู่กลางบริเวณที่แสงผ่าน แล้วค่อยๆ หมุนปุ่มปรับภาพหยาบ (coarse adjustment knob) ให้ลำกล้องเลื่อนลงมาอยู่ใกล้วัตถุที่จะศึกษามากที่สุด โดยระวังอย่าให้เลนส์ใกล้วัตถุสัมผัสกับกระจกปิดสไลด์
5.  มองผ่านเลนส์ใกล้ตา (eyepiece) ลงตามลำกล้องพร้อมกับหมุนปุ่มปรับภาพหยาบ (coarse adjustment knob) ขึ้นช้าๆ จนมองเห็นวัตถุที่จะศึกษาแล้วจึงเปลี่ยนมาหมุนปุ่มปรับภาพละเอียด (fine adjustment knob) เพื่อปรับภาพให้ชัด อาจเลื่อนสไลด์ไปมาช้าๆ เพื่อให้วัตถุที่ต้องการศึกษามาอยู่กลางแนวลำกล้อง ในการใช้กล้องบางรุ่น ขณะปรับภาพ ลำกล้องจะเคลื่อนที่ขึ้นและลงเข้าหาวัตถุ แต่กล้องส่วนใหญ่ในปัจจุบันแท่นวางวัตถุจะเป็นส่วนที่เลื่อนขึ้นลงเข้าหาเลนส์ใกล้วัตถุ
6.  ถ้าต้องการขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น ให้หมุนเลนส์ใกล้วัตถุที่มีกำลังขยายสูงขึ้น  เข้ามาในแนวลำกล้อง โดยไม่ต้องขยับสไลด์อีก แล้วหมุนปุ่มปรับภาพละเอียดเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
7.  การปรับแสงที่เข้าในลำกล้องให้มากหรือน้อยให้หมุนปุ่มปรับไดอะแฟรม (diaphragm) ปรับแสงตามต้องการ
กล้องจุลทรรศน์ที่ใช้กันในโรงเรียนจะมีจำนวนเลนส์ใกล้วัตถุจำนวน 2 – 3 อัน และมีกำลังขยายต่างๆ กันไป อาจเป็นกำลังขยายต่ำสุด ×4  กำลังขยายขนาดกลาง ×10 กำลังขยายสูง ×40 หรือกำลังขยายสูงมากๆ ถึง ×100 ส่วนกำลังขยายของเลนส์ใกล้ตานั้นโดยทั่วไปจะเป็น ×10 แต่ก็มีบางกล้องที่เป็น × 5 หรือ ×15
กำลังขยายของกล้องจุลทรรศน์คำนวณได้จากผลคูณกำลังขยายของเลนส์ใกล้วัตถุกับกำลังขยายของเลนส์ใกล้ตาซึ่งมีกำกับไว้ที่เลนส์ เช่น ถ้าใช้เลนส์ใกล้วัตถุ ×10 และเลนส์ใกล้ตา ×10 กำลังขยาย เท่ากับ 10×10 เท่ากับ 100 เท่า

การดูแลรักษา
หลังจากใช้กล้องจุลทรรศน์เสร็จ ใช้ผ้าที่สะอาดและแห้งเช็ดทำความสะอาดส่วนที่เป็นโลหะ สำหรับส่วนที่เป็นเลนส์และกระจกทำความสะอาดโดยใช้กระจกเช็ดเลนส์เท่านั้น เลื่อนที่หนีบสไลด์ให้ตั้งฉากกับตัวกล้อง หมุนเลนส์ใกล้วัตถุที่มีกำลังขยายต่ำสุดให้อยู่ในแนวลำกล้องแล้วเลื่อนให้อยู่ในระดับต่ำสุด ปรับกระจกเงาให้อยู่ในแนวตั้งฉากกับพื้น ใช้ผ้าคลุมไว้เมื่อเลิกใช้งาน อย่ากล้องไว้ในที่ชื้นเพราะจะทำให้เลนส์ขึ้นรา


                                                                                           เซลพืช


                                                        เยื่อบุข้างแก้ม
N-117MS
เรียนวิทยาศาสตร์ต้องเริ่มด้วยคำถาม



วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สรุปบทความวันที่17มิถุนายน2556


วิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่ต้องศึกษาและทดลองเพื่อให้ได้ความรู้ที่แท้จริงต้องรู้จักสังเกตุปัญหาที่เกิดขึ้นและต้องคิดหาทางแก้ไขทุกสิงทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นในโลกต้องมีความสมบูรณ์ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไปก็จะไม่สมบูรณ์ในทันทียกตัวอย่างเช่นเหมือนกล้องจุลทรรศก็ต้องมีองค์ประกอบที่สมบูรถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิงใดไปก็จะไม่สมบูรณ์และก็ไม่สามารถใช้งานได้
ส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์แบบ Bright Field
1.      ฐาน ( BASE ) ทำหน้าที่รับน้ำหนักทั้งหมดของกล้องจุลทรรศน์ มีรูปร่างสี่เหลี่ยม หรือวงกลม ที่ฐานจะมีปุ่มสำหรับปิดเปิดไฟฟ้า
2.      อาร์ม ( ARM ) เป็นส่วนยึดลำกล้องและฐานไว้ด้วยกัน ใช้เป็นที่จับเวลาเคลื่อนย้ายกล้องจุลทรรศน์
3.      ลำกล้อง (BODY TUBE) เป็นส่วนที่อยู่ต่อจากมือจับมีลักษณะเป็นท่อกลวงปลายด้านบนมีเลนส์ใกล้ตาสวมอยู่ด้านบนอีกด้านหนึ่งมีชุดของเลนส์ใกล้วัตถุซึ่งติดอยู่กับจานหมุนที่เรียกว่า Revolving Nosepiece
4.      แท่นวางวัตถุ (STAGE) เป็นแท่นสำหรับวางสไลด์ตัวอย่างที่ต้องการศึกษา มีลักษณะเป็นแท่นสี่เหลี่ยม หรือวงกลมตรงกลางมีรูให้แสงจากหลอดไฟส่องผ่านวัตถุแท่นนี้สามารถเลื่อนขึ้นลงได้ด้านในของแท่นวางวัตถุจะมีคริปสำหรับยึดสไลด์และมีอุปกรณ์ช่วยในการเลื่อนสไลด์ เรียกว่าMechanical Stage นอกจากนี้ยังมีสเกลบอกตำแหน่งของสไลด์บนแทนวางวัตถุ ทำให้สามารถบอกตำแหน่งของภาพบนสไลด์ได้
5.      เลนส์รวมแสง ( CONDENSER ) จะอยู่ด้านใต้ของแท่นวางวัตถุ เป็นเลนส์รวมแสง เพื่อรวมแสงผ่านไปยังวัตถุที่อยู่บนสไลด์ สามารถเลื่อนขึ้นลงได้โดยมีปุ่มปรับ
6.      ไอริส ไดอะแฟรม ( IRIS DIAPHARM ) คือม่านปิดเปิดรูรับแสง สามารถปรับขนาดของรูรับแสงได้ตามต้องการ มีคันโยกสำหรับปรับขนาดรูรับแสงอยู่ด้านล่างใต้แท่นวางวัตถุ
7.      เลนส์ใกล้วัตถุ ( OBJECTIVE LENS ) จะติดอยู่เป็นชุดกับจานหมุน ซึ่งเป็นส่วนของกล้องที่ประกอบด้วยเลนส์ ซึ่งรับแสงที่ส่องผ่านมาจากวัตถุที่นำมาศึกษา ( Specimen ) เมื่อลำแสงผ่านเลนส์ใกล้วัตถุ เลนส์ใกล้วัตถุจะขยายภาพของวัตถุนั้น และทำให้ภาพที่ได้เป็นภาพจริงหัวกลับ
 Primary Real Image) โดยเลนส์ใกล้วัตถุจะมีกำลังขยายต่าง ๆ กัน ได้แก่
-        เลนส์ใกล้วัตถุกำลังขยายต่ำ ( Lower Power) กำลังขยาย 4X, 10X
-        เลนส์ใกล้วัตถุกำลังขยายสูง ( High Power ) 40X
-        เลนส์ใกล้วัตถุแบบ Oil Immersion ขนาด 100X
8.      REVOLVING NOSEPIECE เป็นส่วนของกล้องที่ใช้สำหรับหมุน เพื่อเปลี่ยนกำลังขยายของเลนส์ใกล้วัตถุ
9.      เลนส์ใกล้ตา ( EYEPIECE LENS หรือ OCULAR LENS) เลนส์นี้จะสวมอยู่กับลำกล้อง มีตัวเลขแสดงกำลังขยายอยู่ด้านบน เช่น 5X, 10X หรือ 15X เป็นต้น กล้องที่ใช้ในปฏิบัติการจุลชีววิทยาทั่วไปนั้น มีกำลังขยายของเลนส์ตาที่ 10X รุ่นที่มีเลนส์ใกล้ตาเลนส์เดียว เรียก Monocular Microscope ชนิดที่มีเลนส์ใกล้ตาสองเลนส์ เรียก Binocular Microscope
10.  ปุ่มปรับภาพหยาบ ( COARSE ADJUSMENT KNOB ) ใช้เลื่อนตำแหน่งของแท่นวางวัตถุขึ้นลง เมื่ออยู่ในระยะโฟกัส ก็จะมองเห็นภาพได้ ปุ่มนี้มีขนาดใหญ่จะอยู่ที่ด้านข้างของตัวกล้อง
11.  ปุ่มปรับภาพละเอียด ( FINE ADJUSMENT KNOB ) เป็นปุ่มขนาดเล็กอยู่ถัดจากปุ่มปรับภาพหยาบออกมาทางด้านนอกที่ตำแหน่งเดียวกัน หรือกล้องบางชนิดอาจจะอยู่ใกล้ ๆ กัน เมื่อปรับด้วยปุ่มปรับภาพหยาบจนมองเห็นภาพแล้วจึงหมุนปุ่มปรับภาพละเอียดจะทำให้ได้ภาพคมชัดยิ่งขึ้น
 และก็ต้องใช้ไปตามขั้นตอนถึงจะเรียกว่าเป็นการใช้แบบสมบูรณ์

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2556

คนเรายังต้องการความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ  วิทยาศาสตร์ก็เหมือนกันก็ต้องการค้นพบสิ่งใหม่ๆๆไปเรื่อยๆๆไม่มีวันที่จะหยุดนิ่ง   สำหรับการผลการเรียนบทเรียนวันนี้นะคะทำให้ครูไหมได้รับความรู้มากมายไม่ว่าจะเป็นความกล้าแสดงออกหน้าชั้นเรียนการสังเกตุสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวของเราว่าแต่ละวันนั้นมีความเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด


วันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2556

สรุปบทเรียน

การสร้างรากฐานให้กับเด็กและประสบการณ์ทางด้านการศึกษาที่ครูควรมีต่อเด็กนักเรียนคือชี้แนะหรือ

แนะแนวทางให้กับเด็กทำให้มีแรงผลักดันให้กับตนเองมากยิ่งขึ้น
















คำคบเด็ดๆจากการเรียนของครูไหมที่ได้มาจากการเรียนค่ะ

โลกเปลี่ยนไป  ทำให้   สรรพสิ่งเปลี่ยนตาม        
                                                    
ความรู้ใหม่  เกิดขึ้นมากมาย                        

สอนไม่หมด  แต่เรียนรู้ได้

มองอย่างนก    ขยันอย่างมด

โลกจะเจริญได้  ต้องมีการแบ่งปัน

ไม่มีใครเปลี่ยนใครได้นอกจากตัวเอง

และที่ประทับใจมากที่สุดเลยนะคะคือบทความนี้เลย

จำได้ก็ไม่ต้องจด   จำไม่หมดก็จดไว้บ้าง

วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2556

>> เกี่ยวกับฉัน

ชื่อ : นางสาว วรรณภา พลสุวรรณ 
รหัสนักศึกษา : 5520117088
วันเกิด : วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2537
ชื่อเล่น : ไหม
อายุ : 19 ปี
ที่อยู่ : 13/2 หมู่ 8 ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์
สีที่ชอบ : สีเขียว, สีฟ้า
จบจาก : โรงเรียนห้วยยางวิทยา
E-mail : numhilwannara04@hotmail.com
เบอร์โทรศัพท์ : 081-1565087
คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
อาหารที่ชอบ : ข้าวผัดปู, ต้มยำหมึก
ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลง
การ์ตูนที่ชอบ : โดเรมอน
กรุ๊ปเลือด : เอ
เพลงที่ชอบ : จะอยู่เคียงข้างเธอ บิวกัลยาณี
สถานที่ชอบไปเที่ยว : ทะเล